Mar 18

จะทำอย่างไร เมื่อรักเราเริ่มจืดจาง

เอาล่ะ ถ้าคุณกับคู่ผ่านช่วง ‘การตกหลุมรัก’ ไปแล้ว หลังจากนี้สิ คือการรักกันของจริง

ซึ่งเป็นช่วงที่คนเลิกกันมากที่สุดก็ว่าได้
.
อย่าพึ่งกลัวไป ผมไม่ได้จะขู่ แค่จะบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติมากที่วันนึงคุณอาจจะเบื่อคู่ของคุณ หรืออยู่ๆก็เห็นข้อเสียของเธอหรือเขาจนทนไม่ได้ขึ้นมา ขอให้คุณเข้าใจธรรมชาติของความรักว่า มันไม่ได้แปลว่าคุณหมดรักเธอ แต่แค่สารเคมีในสมองหมดตามอายุขัยเท่านั้นเอง ให้เลิกยึดติดกับ Romantic Love ในช่วงแรกซะ

.
● ตอนนี้คุณจะเริ่มสังเกตุเห็นความต่างมากกว่าความเหมือน และพยายามทำยังไงก็ได้ให้เธอกลับมาเป็นแบบเดิม ด้วยคำพูดหรือการกระทำ ซึ่งนั่นคือการทำร้ายกันและกันอย่างไม่รู้ตัว
.
● สิ่งที่ควรทำ คือ ยอมรับความต่าง เข้าใจว่าการรักกัน เป็นเรื่องของคนสองคนที่เป็น independent human (เป็นตัวเอง) แล้วมาอยู่ด้วยกันอีกที แต่ละคนต้องดูแลตัวเองได้ มีความสุขด้วยตัวเองได้ แล้วมาสุขด้วยกันอีกที อย่าหวังพึ่งพาอีกฝ่ายตลอดเวลา เพราะนั่นแปลว่าคุณกำลังอยู่ในสภาวะความกลัวหรือความอยากเป็นเจ้าของ มากกว่าความรัก
.
● คุณอาจจะหงุดหงิดเรื่องที่เธอทำไปซะทุกเรื่อง
คนส่วนใหญ่เลือกทำสองอย่าง คือ เก็บเงียบหรือบ่น ซึ่งมันไม่ใช่วิธีที่ดีเลย ลองจับเข่าคุยกัน โดยเฉพาะตอนที่ปัญหายังเล็กหรือพึ่งเกิดใหม่ๆ (ถ้าปล่อยผ่านไปเดือนนึง ค่อยขุดมาพูด เธอคงไม่เข้าใจหรอก) แต่ถ้าอีกฝ่ายชอบยกเรื่องเก่าๆมาพูด อาจไม่ได้แปลว่าเธอยึดติดกับอดีต แต่ปัญหานั้นยังไม่ถูกแก้ไขอย่างจริงจังต่างหาก
.
.
ถ้าคุณไม่รู้จะใช้คำพูดยังไงดี ลองคำพูดเหล่านี้ดูเริ่มต้นดู
.
“ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เราคุยเรื่องนี้กันหน่อยได้มั้ย?”
“ผมรู้ว่าเมื่อวานคุณไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมรู้สึกกังวลกับมัน…”
.
.
● ยอมรับซะว่าบางครั้ง คุณก็อาจเป็นต้นเหตุเอง
บางครั้งไม่ใช่ว่าเธอทำคุณหัวเสียหรอก แต่คุณนั่นแหละที่หงุดหงิดและโมโหเอง
อย่าลืมทำบรรยากาศรอบตัวให้เธอสามารถคุยประเด็นที่เธอไม่ชอบเกี่ยวกับคุณได้ด้วย อย่าไปตีความว่าเธอชวนทะเลาะ แต่นี่เป็นสัญญาณว่าเธอกำลังอยากประคองรักนี้ต่อไปต่างหาก
.
.
● หลังทะเลาะกัน ให้รีบขอโทษ
มีงานวิจัยจาก PNAS แนะนำถึง 3 องค์ประกอบที่ทำให้ขอโทษได้ดีที่สุด ตามนี้ครับ
.
1) ขอโทษอย่างจริงใจ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ถ้าคุณขอโทษเพราะแค่อยากให้เรื่องจบ อย่าขอโทษเลย เพราะมันอาจทำให้ทุกอย่างแย่ลงในอนาคต ซึ่งนี่เป็นสัญญาณว่าคุณอาจจะต้องพิจารณาเธอคนนี้ใหม่ว่า เราจะคบกันไปทั้งๆที่ไม่เข้าใจกันได้จริงๆหรอ
.
2) อย่าขอโทษแบบไม่ขอโทษ เราเรียกการขอโทษแบบนี้ว่า “Faux Apology” คำขอโทษที่ตามด้วยคำว่า ‘ถ้า’ หรือ ‘พูดถึงฝ่ายตรงข้าม’ มักฟังดูเหมือนว่าคุณขอโทษแบบประชดประชัน “ขอโทษถ้าทำให้คุณหงุดหงิด” ” ขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกแย่” แบบนี้ไม่ดี
.
ขอโทษแล้วรับความผิดมาที่ตัวเอง “เป็นความผิดของผมเอง” ไม่ต้องแก้ตัว แต่ถ้าไม่เข้าใจกันก็ให้คุยกันตอนที่ทั้งคู่อยู่ในอารมณ์ปกติ
.
3) ทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา หรือแก้ไขบรรยากาศอันมาคุ
.
.
● ก่อนทะเลาะกันให้หาขนมหวานกิน เพราะคุณอาจจะรู้สึกหิวหรือโกรธ เพราะน้ำตาลในเลือดคุณน้อยก็ได้ ให้กินแป้งหรือน้ำตาล แล้วลองดูว่าคุณรู้สึกดีขึ้นมั้ย ย้ำว่า หากรู้สึกโกรธ หรือ เสียใจมากๆ ยังไม่ควรคุยกันทันที เพราะแต่ละคนจะควบคุมตัวเองไม่ได้เท่าสภาวะปกติ
.
● เติมความรักแบบเคมี : เติมสารโดปามีนโดยการสร้างเซอไพรส์ ทำอะไรที่เธอคาดไม่ถึงบ่อยๆ
●เติมอ็อกซิโตซิน โดยการสัมผัสกัน กอดกัน จับมือกัน เพื่อเพิ่มความผูกพันธ์
.
.
● อ่านแล้วเหมือนง่าย แต่จริงๆมันยากมาก เพราะต้องใช้ทั้งพลังงาน, เวลา, ความพยายามของ “ทั้งสองคน” ถ้าหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลิกพยายามไปกลางคัน ก็อาจจะล้มเหลวกันทั้งคู่
.
● สภาวะนี้จะอยู่กับเราเป็นเดือน เป็นปี หรือหลายปี แล้วแต่ว่าการโอนอ่อน ปรับตัวเข้าหากันของแต่ละคู่ หรือบางครั้งอาจะต้องรับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้วยซ้ำ
.
● ถ้าคุณทำสำเร็จเคมีในสมองของจะเปลี่ยนจาก Cocktail of love ที่ทำให้คุณใจเต้นแรง กลายมาเป็น Cocktail of attactment หรือความผูกพันธ์แทน ซึ่งมันจะกลายเป็นความรักที่อบอุ่นและลึกซึ้งกว่าในช่วงโรแมนติกกว่าเป็นไหนๆ เพราะคุณยอมรับได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย และพร้อมจะพัฒนาไปสู่ขั้นถัดๆไปแล้วครับ

.————————–
อยากรู้เรื่องความรักในมุมมองของวิทยาศาสตร์จากเราอย่างต่อเนื่อง อย่าลืมกด like
และ see first เพจนะครับ
.
REF:
http://www.youramazingbrain.org/lovesex/sciencelove.htm
http://www.loveatfirstfight.com/relati…/relationship-stages/
Book : the psychology of attraction

About the Author:

Leave a Reply

*