ในชีวิตของเรา คงหนีไม่พ้นที่จะเจอมนุษย์ประเภทที่เอาแต่ใจตัวเอง จุ้นจ้าน เรื่องเยอะ ชอบข่มและถากถางคนอื่น สร้างอุจจาระทางความรู้สึกให้กับเรายิ่งนัก หากคนนั้นอยู่ที่โรงเรียน เขาก็คือสาเหตุที่ทำให้เราไม่อยากไปเรียนหนังสือ หรือหากคนนั้นอยู่ที่ทำงาน เขาก็คือสาเหตุที่ทำให้เราไม่อยากตื่นตอนเช้าไปทำงานนั่นแหละ แน่นอนคนพวกนี้มักดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สาว่าตัวเองถูกคนทั้งออฟฟิศเกลียด เดินกระหยิ่มยิ้มย่องมีความสุขไปเรื่อย คล้ายกับว่าความเกลียดของคนอื่นเป็นอาหารโปรดของเขาก็ไม่ปาน

และมันก็คงมีสักว้าบนึงในความคิดของเราที่สว่างขึ้นมา

“ทำไมแ-ม่-งเกิดมาเป็นคนแบบนี้ได้วะ?”

“ชาติที่แล้วทำบาปมาเยอะ”
“พ่อแม่ไม่สั่งสอน”
“สมองบางส่วนทำงานผิดปกติ”

ดร.John T. Cacioppo นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาสังคม(Social Neuroscience) ได้เฉลยว่าจริงๆแล้ว คนที่นิสัยไม่ดีเช่นที่เราเจอกันนั้นอาจจะเกิดจากการที่เขาคนนั้น “เหงา” มากก็ได้

หืมม…
งงล่ะสิ คนที่ดูจะไม่แยแสว่าใครจะรู้สึกอะไรยังไง คนที่ดูเหมือนว่าชีวิตนี้ไม่อยากให้มีคนมาอยู่ใกล้ คนแบบนี้เนี่ยนะ เหงา

ใช่แล้วครับ เหงามากด้วย

ดร.Cacioppo อธิบายไว้อย่างนี้ครับ

1.เรื่องเยอะ อาการหนึ่งของคนเหงา
จากการทำ fMRI เพื่อสแกนสมองของคนเหงา พบว่าสมองของคนเหงาส่วน temporo-parietal junction ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับรู้และเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นทำงานลดลงกว่าคนปกติ นั่นหมายถึงว่าสมองของคนเหงานั้นจะโฟกัสไปที่เรื่องของตัวเองเป็นหลัก
ชั้นต้องการอย่างนั้น ชั้นอยากได้อย่างนี้ โดยขาดความคิดยับยั้ง(“ถ้าชั้นขอไอ้นู่นไอ้นี่ เดี๋ยวคนนั้นเขาจะลำบากมั้ย เขาจะรู้สึกยังไง”)
ทำให้คน “เหงา” กลายเป็นคน “เยอะ” ไปได้ง่ายๆ

2.วิจารณ์และถากถาง เป็นอีกอาการหนึ่งของคนเหงา
ความเหงาทำให้สมองส่วนหน้าซึ่งเป็นสมองส่วนเหตุผลของเราทำงานน้อยลง เนื่องจากเวลาที่เรารู้สึกเหงา จะทำให้เราอยู่ในสภาวะ survival mode หรือโหมดหนีตาย ซึ่งจะเป็นช่วงที่สมองส่วนเหตุผลเราทำงานน้อยที่สุด

สาเหตุที่ความเหงาทำให้เราอยู่ในโหมดนี้ก็เพราะว่าเดิมทีขณะที่เราอาศัยอยู่ในป่า เราเป็นสัตว์สังคมที่ต้องการฝูงของเรามาก มนุษย์เราเป็นสัตว์ที่อ่อนแอมากเมื่อเทียบกับสัตว์นักล่าต่างๆ เราไม่มีทั้งเขี้ยวเล็บ วิ่งก็ช้า กระโดดก็ไม่ได้ไกล ปีนต้นไม้ก็ไม่เก่ง ว่ายน้ำก็ไม่เร็ว บินก็ไม่ได้ สาเหตุเดียวที่เรากลายมาเป็นสัตว์ที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารก็เพราะว่า เราอยู่กันเป็นฝูง ซึ่งทำให้สัตว์นักล่าไม่กล้ามาตอแย
เพราะฉะนั้นในอดีต หากเราถูกอัปเปหิออกจากฝูงของเรา มันคือช่วงเวลาที่อันตรายมากๆต่อชีวิต เพราะจะมีเสือมีสิงโตมาคาบเราตอนไหนก็ไม่รู้ เวลาที่เราถูกตัดขาดออกจากมนุษย์คนอื่นๆ(หรือเหงา) เราจึงถูกปรับตัวให้ไปใช้ survival mode ซึ่งเป็นโหมดที่แทบไม่ใช้ความสามารถในการคิดหรือใช้เหตุผลอะไร (แต่เป็นโหมดที่พร้อมสำหรับการหนีหรือสู้ได้อย่างดี)

จากการวิจัยพบว่าสมองส่วนเหตุผลของคนไม่เหงาจะเฟรชกว่าคนเหงาเกือบ 10 ปี เลยทีเดียว

และเนื่องจากการที่คนเหงาไม่สามารถมองอะไรผ่านสมองส่วนที่ใช้เหตุผลได้ดีนัก เลยทำให้พวกเขามักจะเห็นแต่แง่มุมแย่ๆของคนอื่นจากอคติของตัวเอง จึงเป็นสาเหตุให้คนเหงามักจะวิจารณ์ถากถางชาวบ้านชาวช่องมากกว่าใครเขาไงล่ะครับ

รู้อย่างนี้แล้วก็สงสารเขาคนนั้นบ้างนะครับ
เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจนิสัยไม่ดี เขาแค่เหงาน่ะ

————————————-
ถ้าชอบบทความนี้ก็ช่วยแชร์กันด้วยน้า แต่อย่าไปแชร์ใส่หน้า wall คนๆนั้นล่ะ เดี๋ยวจะศพไม่สวย 555

ถ้าอยากรับโพสต์ดีๆมีสาระอย่างนี้ก็อย่าลืมกด like และ see first เพจ Theory of Love นะจ๊ะ หรือจะไปเยี่ยมชมเพจก็ได้ที่ www.theoryoflove.space

ช่วงนี้มีของขายหลายอย่าง
1.หนังสือ Theory of Loneliness เหตุเกิดจากความเหงา มีขายออนไลน์แล้วที่ https://store.minimore.com/banluebooks/items/theory-of-loneliness
วางแผงซูนนะจ๊ะ

2.แอดมีอีเว้นท์ไปพูดคุยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของความรักความสัมพันธ์ หากอยากไปเจอกันก็จงทำตัวให้ว่าง ไปเจอกันวันอาทิตย์ที่ 29 เมย. 61
ตามลิ้งค์นี้ได้เลยจ้า https://www.facebook.com/events/1638908072813768/

references:
https://www.amazon.com/Loneliness-Human-Nature-Social-Connection/dp/0393335283
https://kuscholarworks.ku.edu/handle/1808/12995?show=full

ปล.เพิ่งอ่านข่าวเจอ ดร.Cacioppo เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมานี้เอง ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ท่านถือเป็นปรมาจารย์เรื่องความเหงาของโลกเลยก็ว่าได้