หัวล้านก็มีเสน่ห์
ถึงแม้จะมีชายหลายคนที่ต้องเครียดจากการการที่ตัวเองผมบางหรือหัวล้าน
หลายคนต้องหาผลิตภัณฑ์มาบำรุง มาแปะ มาซ่อน หมดเงินไปมากมาย เพื่อให้ผมที่หัวยังคงดกดำ สาวๆจะได้ไม่ยี้
แต่การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ได้ออกมาบอกว่า การหัวล้านก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป
และมันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งได้เช่นกัน
มาเล่าถึงข้อมูลคร่าวๆของเรื่องหัวล้านกันก่อนดีกว่า
เมื่ออายุ 35 ปี ผู้ชายประมาณ 45% จะเริ่มรู้สึกถึงผมที่บางลง และเมื่ออายุ 60 ปีนี้ ตัวเลขก็พุ่งไปถึง 65%
และตัวเลขเหล่านี้ก็พบพอๆกันในทุกเชื้อชาติ
นักวิทยาศาสตร์จึงเริ่มสงสัยว่า หากหัวล้านมันมีแต่ข้อเสีย(คือมีแต่คนยี้) ตามหลัก Natural selection แล้ว เหตุใดมันจึงไปหายไปจากวิวัฒนาการของมนุษย์
หลายปีก่อน Dr.Frank Muscarella จากมหาวิทยาลัย Barry ในฟลอริดา ได้ทำการทดลองว่า เหตุใดหัวล้านนั้นจึงยังคงหลงเหลืออยู่ในวิวัฒนาการของมนุษย์เรา
ด้วยการให้คนทั่วไปให้คะแนนผู้ชายตัวอย่างในสี่ด้านด้วยกัน
นั่นคือ รูปร่างหน้าตา ความเกรี้ยวกราด การประนีประนอม และวุฒิภาวะ(นอกจากนั้นรวมถึงความซื่อสัตย์ ความฉลาด และสถานะทางสังคม)
ผลออกมาว่า ผู้ชายที่ผมดกดำเต็มหัวนั้นได้คะแนนด้านวุฒิภาวะต่ำที่สุด ในขณะที่ผู้ชายที่หัวล้านนั้นได้คะแนนวุฒิภาวะสูงที่สุด

Dr.Frank Muscarella
ซึ่งผลคะแนนด้านการประนีประนอมก็ออกมาในลักษณะเดียวกัน ส่วนความเกรี้ยวกราดนั้นผลออกมาตรงกันข้ามกันคือผู้ชายหัวล้านนั้นได้คะแนนความเกรี้ยวกราดน้อยที่สุด
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า หัวล้านนั้นเป็นการแสดงออกถึง ว่า "ฉันไม่เป็นอันตรายกับใครนะ"
ส่วนด้านรูปร่างหน้าตาผลคะแนนก็ออกมาตามคาด คือ การมีหัวล้านทำให้คะแนนด้านรูปร่างหน้าตาลดลง
แต่เดี๋ยวก่อน!!!
Dr. Muscarella บอกว่า ถึงแม้ว่าการมีหัวล้านจะทำให้เสน่ห์ด้านรูปร่างหน้าตาน้อยลง แต่มันทำให้สถานะทางสังคมของผู้ชายคนนั้นสูงขึ้น
"มันมีงานวิจัยหลายงานออกมาแสดงให้เห็นว่านอกจากผู้หญิงจะชอบผู้ชายที่ชอบรูปร่างหน้าตาดี แต่พวกเธอก็ชอบผู้ชายที่มีสัญลักษณ์ของสถานะทางสังคมที่สูงด้วย"
และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่า ทำไมหัวล้านถึงถูกส่งทอดมาถึงเราในทุกวันนี้
แต่นั่นยังไม่พอครับ สำหรับหนุ่มๆที่กำลังกังวลว่า หัวล้านแล้วจะไม่มีแฟน อะไรแบบนั้น
Dr.Muscarella ผู้แสนดีของเรายังได้ทำการทดลองลับๆที่ยังไม่ได้เปิดเผยที่ไหน ว่าเขาได้ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่าง อัตราความหัวล้าน และจำนวน sexual partner (หรือคู่นอน) ทั้งหมดที่ผ่านมาในชีวิต ผลก็ปรากฏว่า จะหัวล้านมากหรือหัวล้านน้อยก็ไม่ส่งผลอะไรต่อเรื่องนี้เลย

ถึงแม้มันจะไม่ได้แปลว่า ชายหัวล้านมีเสน่ห์ดึงดูดมากกว่าผู้ชายหัวไม่ล้าน แต่มันก็ไม่ได้แปลว่า คนหัวล้านจะอ่อนแอและแพ้ไปเพราะเรื่องนี้เช่นกันครับ
ดร.ได้ขยายความว่า ในอดีตนั้นมนุษย์อยู่กันเผ่า ซึ่งปกติผู้ชายก็มักจะต้องแสดงออกในทางก้าวร้าว แข็งแกร่ง เพื่อให้ได้รับการยอมรับในกลุ่ม(ข้าแข็งแรง ออกไปล่าสัตว์ได้สบายนะเฟ้ย) แต่ในขณะเดียวกันพฤติกรรมก้าวร้าวนั้นก็ทำให้เผ่าแตกแยกกันได้ง่าย วิวัฒนาการเลยสร้างผู้ชายที่จะมีลักษณะก้าวร้าวน้อยกว่า เพื่อเป็นกาวใจของกลุ่ม และมอบหัวล้านไว้ให้เป็นสัญลักษณ์

ทำไมต้องเป็นหัวล้านด้วยวะ!!? (หลายคนคงกำลังสบถ)
เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะ ธรรมชาติก็ได้เลือกสรรมาอีกแล้วว่า เดิมลักษณะที่แสดงถึงความไม่ก้าวร้าว ความประนีประนอม ก็คือเด็กทารก คือไม่ว่าผู้ใหญ่ที่ก้าวร้าวแค่ไหน ก็พร้อมที่จะแสดงความอ่อนโยนให้กับเด็กทารกเสมอ ซึ่งลักษณะสำคัญของเด็กทารกอย่างหนึ่งก็คือ หัวล้าน
จึงไม่แปลกใจเลยที่ ต่อมรากผม ของคนหัวล้าน จึงมีลักษณะเฉกเช่นเดียวกับของ ต่อมรากผม ของเด็กทารก หรือที่เรียกว่า 'vellus hair' ครับ
เลยมีคนเอาเรื่องนี้ไปเทียบกับ ซานต้า คลอส ที่มีหัวล้านเช่นกัน (ผมนี่ถึงกับต้องเอารูปมาเสิร์ชเลยครับ นึกว่า ซานต้าคลอส ก็มีผมเยอะนี่หว่า แค่ผมขาว แต่จริงๆคือ ไอ้ที่ขาวๆมันเป็นหมวก ไม่ใช่ผมนะ ผมลุงแกล้านจริงๆ)
เพราะซานต้า ก็เป็นคาแรคเตอร์ของผู้ชายที่มีสถานะทางสังคมสูง (ลอยบนอากาศเลยครับ) แต่ไม่มีลักษณะของความเกรี้ยวกราดหรือทำร้ายใคร ในทางตรงกันข้ามเลยคือ เป็นสัญลักษณ์ของความใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นแทนที่จะเสียเงินเป็นแสนๆกับการปลูกผม การเข้าร้านตัดผมเสียเงิน 50 บาท โกนมันไปหมด ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของคุณลดลงแต่อย่างใด

ยังไม่พอ สำหรับคุณประโยชน์ของหัวล้าน ในปี 2010 มีการวิจัยออกมาว่า ผู้ชายที่หัวล้านตั้งแต่ยังอายุน้อยมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าตั้ง 45% แน่ะ
โดยนักวิจัยจาก Washington School of Medicine ได้ทำการศึกษาในชาย 2000 คน อายุตั้งแต่ 40-47 ปี ซึ่งครึ่งนึงป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
การศึกษาพบว่าชายที่เริ่มมีจุดหัวล้านตรงกลางกระหม่อม หรือ เริ่มเป็นง่ามเบจิต้า ตั้งแต่หนุ่มๆนั้นมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่า
ศ.Jonathan Wright ได้บอกว่า เขาก็ตกใจจากผลการวิจัยเช่นกัน เพราะการมีหัวล้านนั้นลดโอกาสเป็นมะเร็ง 29-45% เลยทีเดียว
โดยปกติคนที่เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากนั้นจะได้รับการรักษาโดยการกินยาเพื่อลดการสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน(testosterone) เนื่องจากฮอร์โมนตัวนี้เป็นตัวเร่งให้มะเร็งเติบโตได้เร็วขึ้น
แต่นักวิจัยคิดว่า หัวล้านนั้นเป็นลักษณะหนึ่งที่แสดงถึง ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน(testosterone)ที่สูงในร่างกาย ซึ่งการมีเทสโทสเตอโรนสูงนานๆในช่วงหนุ่มๆ อาจจะช่วยทำให้ป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
(แต่อย่าได้ริไปหายาเสริม testosterone มากินเองเชียว เพราะนั่นเป็นการไปเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งได้นะครับ)
เพราะฉะนั้นถึงหัวจะล้าน แต่ก็ไม่ต้องน้อยใจไปนะครับ 🙂

อ้างอิง
บทความนี้คัดย่อจาก
http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-3978100/The-benefits-going-BALD-Men-hair-appear-intelligent-educated-honest.html