Mar 29

ชายหนุ่มผู้ใช้คณิตศาสตร์ในการตามหารักแท้

วันก่อนไปอ่านเจอบทความหนึ่งของ wired แล้วชอบมาก เพราะเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้คณิตศาสตร์ในการตามหารักแท้ของเค้าจากเว็บไซต์หาคู่ OKCupid ซึ่งทำให้หนุ่มเนิร์ดๆเฉิ่มๆคนนี้กลายเป็นชายหนุ่มโคตรฮอตและออกเดตกว่า 88 เดต ภายในเวลาประมาณ 2 เดือน(คือพี่แกออกเดตกับผู้หญิงเฉลี่ยวันละ 2 คน) ก็เลยแปลมาให้อ่านซะหน่อย เพราะสนุกมากกับความบ้าและเนิร์ดของแกจริงๆ(ที่พีคคือดันได้ผลด้วย)
ย้ำไว้ก่อนเลยว่า ยาวโคตรๆจ้า

กลางดึกคืนหนึ่งภายในห้องของตึกคณะวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัย UCLA  สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้นมีเพียงแค่ คริส แม็คคินเลย์ ซึ่งกำลังใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในการทดสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขา(ในหัวข้อ  large-scale data processing and parallel numerical methods ไม่รู้จะแปลเป็นไทยว่าไงเลย) ระหว่างที่คอมพิวเตอร์กำลังทำงาน เขาก็เปิดหน้าต่างอีกหน้าต่างขึ้นมาเพื่อเช็ค inbox OkCupid ของเขา

คริส หนุ่มหัวยุ่งวัย 35 ปี  เป็นหนึ่งในชาวอเมริกันกว่า 40 คน ที่ใช้บริการเว็บไซต์หาคู่ในการหาคนรัก  เขาเพิ่งอกหักเมื่อ 9 เดือนก่อนและเขาก็อยากหาใครสักคนมาเป็นเพื่อนคู่คิดมากๆ เขาส่งเมสเสจให้หญิงสาวมากมายที่ match กับเขาด้วยอัลกอริธึมของ OkCupid  ส่วนใหญ่ไม่มีใครตอบกลับ และเขาก็คว้าน้ำเหลวจากการออกเดตมาถึง 6 ครั้งแล้ว มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ โปรไฟล์เขาไม่จ๋อยเลย แต่ทำไมสาวๆกลับหมางเมินเขาถึงขนาดนี้

 

และทันใดนั้น ก็เหมือนอสุนีบาตฟาดลงกลางหัว คริสก็บรรลุขึ้นมาได้ว่า

“เฮ้ย มันไม่ใช่กรูหรอกที่ไม่น้ำยา แต่กรูทำมันผิดวิธีต่างหากล่ะโว้ยยยย”

ก่อนหน้านี้เขาเล่นเว็บไซต์หาคู่เหมือนกับคนทั่วๆไป จริงๆแล้วเขาควรจะเล่นมันเหมือนนักคณิตศาสตร์ต่างหากเล่า!!!

OkCupid เป็นเว็บไซต์หาคู่ที่ก่อตั้งโดยนักคณิตศาสตร์จากฮาวาร์ดในปี 2004 มันได้รับความนิยมอย่างมากจากการที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการแมทช์คู่ให้กับสมาชิก โดยสมาชิกต้องตอบคำถามปรนัยซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เรื่องการเมือง ศาสนา ครอบครัว ความรัก เซ็กส์ และการใช้มือถือ

โดยเฉลี่ยแล้วสมาชิกจะต้องตอบคำถามประมาณ 350 ข้อ จากคำถามทั้งหมดหลายพันข้อ

“อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณเลือกจะดูหนังสักเรื่องหนึ่ง” หรือ “คุณให้ความสำคัญกับศาสนาหรือพระเจ้ามากแค่ไหน”

ในแต่ละคำถาม สมาชิกจะต้องทำสามอย่างด้วยกันคือ

  1. ตอบคำตอบของตัวเอง
  2. ตอบคำตอบที่อยากให้คู่ของตัวเองตอบ
  3. ให้คะแนนความสำคัญของคำถามนั้นตั้งแต่ 1-5 (ไม่สำคัญเลย จนถึง โคตรสำคัญ)

OkCupid จะนำข้อมูลของสมาชิกเหล่านี้มาคำนวณเพื่อหาคู่ที่เข้ากับเรามากที่สุด ยิ่งใกล้ 100 เปอร์เซนต์เท่าไหร่ ก็ยิ่งแปลว่าเขาคนนั้นยิ่งเข้าใกล้ความเป็นเนื้อคู่ของเรามากเท่านั้น(ในทางคณิตศาสตร์น่ะนะครับ)

แต่กับคริสแล้ว เรื่องราวมันกลับไม่ง่ายดายเหมือนอัลกอริธึมนั้น เมื่ออัลกอริธึมของ OkCupid จะนำเฉพาะคำถามที่คนสองคนเลือกที่จะตอบ(จากจำนวนหลายพันข้อ) มาใช้ในการคำนวณ นั่นหมายถึงว่าถ้าเราเลือกตอบคำถามที่คนอื่นไม่ตอบ(หรือสาวๆที่เราสนใจไม่ตอบ) เราก็จะไม่มีโอกาสได้แมทช์กับคนเหล่านั้นเลย ซึ่งกรณีนี้ก็เกิดขึ้นกับดร.หนุ่มของเราด้วย เพราะในลิสต์ของคริสมีสาวๆที่แมทช์กับเขาเกิน90%ไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เขาอยู่ในเมืองที่มีผู้หญิงมากกว่า 2 ล้านคน(และ 80,000 คนใช้ OkCupid) มันโคตรน่าเสียดายสำหรับสาวๆทั้งเมือง เมื่อพวกเธอไม่มีโอกาสได้เจอผู้ชายดีๆอย่างคริส

ตอนนี้เขามีกลยุทธิ์แล้ว เขาต้องเพิ่มจำนวนหญิงสาวที่จะเห็นเขาให้มากที่สุด  ด้วยการหาคำถามที่ผู้หญิงในสเป็คของเขาชอบตอบ แล้วเขาก็ตอบคำถามพวกนั้นอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องสนใจคำถามอีกหลายพันข้อที่เหลือ เพียงเท่านี้เขาก็จะเพิ่มโอกาสแมทช์กับสาวที่เขาชอบ (และเพิ่มโอกาสให้กับสาวที่ชอบเขาด้วย)

ครับ ถึงแม้คริสจะเป็นนักคณิตศาสตร์ แต่เขาก็ไม่ใช่นักคณิตศาสตร์แบบทั่วไป เขาเติบโตอยู่แถบชานเมืองของบอสตัน และจบปริญญาตรีด้านภาษาจีนจาก Middleburry College ในปี 2001 ในปีเดียวกันเขารับงานพาร์ทไทม์เป็นนักแปลภาษาที่นิวยอร์ค เขาเริ่มทำงานที่ชั้น 91 ตึกเวิรล์ด เทรด เซนเตอร์ ก่อนที่มันจะถล่มลงมาเพียง 5 สัปดาห์ (เขาต้องไปทำงานตอนบ่ายสอง ในขณะที่เครื่องบินชนตึกเวิรลด์ เทรด ตอนเวลา 8.46 น.)

“หลังจากนั้นผมก็ถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งที่ผมอยากทำกันแน่”

ไม่นานเพื่อนของเขาก็ชวนคริส เข้าร่วมทีมไพ่แบล็คแจ็คอันโด่งดังของ MIT เขาใช้เวลา 2-3 ปีบนโต๊ะสักหลาดของนิวยอร์คและลาสเวกัส และรับรายได้ 60,000 เหรียญต่อปี(ราวๆ 2 ล้านบาท)

จากประสบการณ์การเล่นไพ่ของเขาทำให้เขาเกิดความสนใจในคณิตศาสตร์ประยุกต์ จนทำให้เขากลับมาเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกในสาขานี้

“มันเอาไปประยุกต์ใช้ได้กับหลายต่อหลายอย่าง” เขาบอก “คุณสามารถไปเล่นไพ่โป๊กเกอร์ที่บ่อน จากนั้นก็กลับมาเขียนโค้ดเพื่อหากลยุทธ์ที่จะเอาชนะเกมส์ที่คุณเพิ่งแพ้ไป”

และเขาก็ทำสิ่งเดียวกันนี้กับความรักครับ  เริ่มแรกเขาต้องการข้อมูล ถึงแม้เขาจะมีงานวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขารออยู่ แต่เขาก็ยังเจียดเวลาสร้าง OkCupid accounts ปลอมขึ้นมา 12 accounts และเขียนโค้ดโดยใช้ Python ในการกำกับ account ปลอมของเขาในการค้นหาทาร์เก็ตของเขา(กลุ่มผู้หญิงที่ชอบเพศตรงข้ามหรือผู้หญิงที่ชอบได้ทั้งสองเพศ ที่อายุระหว่าง 25-45 ปี) เข้าไปที่หน้าโปรไฟล์ของพวกเธอ ดึงข้อมูลต่างๆออกมาเท่าที่จะทำได้ อย่างเช่น เชื้อชาติ ความสูง สูบบุหรี่หรือไม่ ราศีเกิด

“ทุกอย่างที่แม่งหาได้อ่ะคับ” คริสยักไหล่

เพื่อที่จะหาว่าคนอื่นๆตอบคำถามอะไรบ้าง เขาต้องใช้ความพยายามมากขึ้นหน่อย  OkCupid อนุญาตให้สมาชิกเห็นคำตอบของคนอื่นได้ก็จริง แต่ก็เฉพาะคำถามที่เราต้องตอบด้วยเหมือนกันเท่านั้น  คริสจึงสร้างบอทขึ้นมาเพื่อตอบคำถามของ OkCupid แบบสุ่ม เขาไม่ได้ใช้ account ปลอมของเขาในการดึงดูดผู้หญิงคนไหน เพราะฉะนั้นจะตอบอะไรก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ด้วยวิธีนี้เขาจึงได้ข้อมูลคำตอบของสาวๆเข้ามาในฐานข้อมูลของเขา

คริสมองนั่งกระดิกเท้านั่งมองบอท 12 ตัวของเขาดึงข้อมูลของสาวๆเข้ามาด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง เสือตัวที่ 5 ของ LA กำลังจะมาแล้ว… แต่หลังจากโปร์ไฟล์ของสาวคนที่หนึ่งพันถูกเก็บมาได้ เขาก็เจออุปสรรคใหญ่ เมื่อ OkCupid บล็อก account ปลอมที่เขาสร้างขึ้น เว็บไซต์มีระบบที่เอาไว้ป้องกันคนที่ตั้งใจมากวาดข้อมูลแบบเขา มันสามารถดักจับการใช้งานที่เร็วเกินกว่ามนุษย์มนาอย่างที่บอทต่างๆทำได้ เขาถึงกับน้ำตาซึมเมื่อเห็นเหล่าลูกๆค่อยๆทยอยถูกแบนจากเกมส์แห่งความรักนี้

 

แต่คริส ก็ไม่ใช่ผลไม้ เขาไม่ท้อครับ

เขาไปหาเพื่อนของเขา Sam Torrisi นักประสาทวิทยาซึ่งสอนทฤษฎีดนตรีให้กับคริส เพื่อแลกกับการให้คริสสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้กับเขา แซมเองก็เล่น OkCupid เช่นกัน และเขาตกลงให้คริสใช้ spyware ในการจับการใช้งานเว็บไซต์ของเขา จากนั้นคริสก็นำข้อมูลดังกล่าวมาสอนบอทลูกๆของเขาให้เรียนรู้ที่จะคลิ๊กเหมือนคน พิมพ์ด้วยความเร็วเหมือนคน เมื่อลูกๆของเขาพร้อม เขาก็นำคอมพิวเตอร์จากบ้านมาต่อบรอดแบนด์ของเร็วสูงของคณะ เพื่อให้พวกมันออกไปวิ่งเล่นในสนามรักอีกครั้งได้เต็มที่ตลอด 24 ชม.

ในเวลา 3 สัปดาห์ คริสเก็บข้อมูลคำถามและคำตอบกว่า 6 ล้านข้อ จากสาวๆราวๆ 20,000 คน ทั่วอเมริกา จากงานเสริมสนุกๆ ตอนนี้เขาใช้เวลาอยู่ที่คณะเกือบตลอดเวลา จนเขายกเลิกสัญญาเช่าอพาร์ทเม้นท์ และนอนบนโต๊ะทำงานของตัวเองแทน

เมื่อได้ข้อมูลมาเพียงพอแล้วเขาก็ใช้อัลกอริธึมของ Bell Labs ที่ชื่อว่า K-Modes (Bell Labs มีต้นกำเนิดจาก Alexander Graham Bell นักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างโทรศัพท์เครื่องแรกของโลก แล็บนี้มีชื่อเสียงมาก เป็นที่ๆนักวิทยาศาสตร์ตัวท็อปๆของโลกมาอยู่กัน และส่งนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในนี้ได้รับรางวัลโนเบลแล้วถึง 8 รางวัลด้วยกัน) ซึ่งถูกนำมาใช้ครั้งแรกในการวิเคราะห์โรคของถั่วเหลือง ในการแบ่งกรุ๊ปสาวๆเป็นแบบต่างๆ ซึ่งเขาก็ใช้เวลาในการปรับจูนอีกนิดหน่อยเท่านั้นก่อนที่สายพันธุ์ถั่วเหลืองจะกลายเป็นสายพันธุ์สาวๆได้ 7 สาย ตามลักษณะคำถามและคำตอบที่พวกเธอตอบ

“ตอนนั้นพอเห็นข้อมูลแล้ว ผมรู้สึกโคตรฟินครับ” คริสบอก “น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในเดือนมิย.เลยล่ะ”

เพื่อเป็นการคอนเฟิร์มโมเดลของเขา เขาได้ใช้บอทของเขาเก็บข้อมูลเก็บข้อมูลสาวๆใน LA และซานฟรานซิสโกเพิ่มอีก 5 พันคน และรันมันผ่าน K-Modes อีกครั้ง ผลออกมาเป็น 7 กลุ่มเช่นเดียวกับข้อมูลชุดแรก คริสยิ้มแก้มปริ

จากนั้นเขาใช้ข้อมูลของแต่ละกลุ่มมาดูว่ากลุ่มไหนน่าจะตรงสเป็คเขาที่สุด เขาสุ่มดูโปรไฟล์จากแต่ละกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเด็กไป กลุ่มหนึ่งแก่ไป กลุ่มหนึ่งเคร่งศาสนาไป จนในที่สุดเขาก็พบกลุ่มของหญิงสาวอายุเฉลี่ยราวๆ 25 ปี ค่อนข้างดูอินดี้หน่อยๆ ถ้าไม่ใช่นักดนตรีก็เป็นศิลปิน

นี่แหละสเป็ค…

เขาจ้องมองจุดเล็กๆในกราฟที่พล็อตรวมตัวกันจนเป็นเหมือนมดที่กำลังรุมกินน้ำตาลจนแทบแยกพวกมันออกจากกันไม่ออก

หนึ่งในจุดขยุ้มนี้คือโซลเมทของเขา

จริงๆแล้ว กลุ่มข้างเคียงอีกกลุ่มก็ดูไม่เลวทีเดียว อายุมากกว่านิดหน่อย อาชีพสายครีเอทีฟที่จริงจังขึ้นมาอย่างบรรณาธิการหรือดีไซเนอร์  ไม่มีอะไรจะเสีย เขาตัดสินใจจะลองดูทั้งสองกลุ่ม เขาสร้างโปรไฟล์ของตัวเองขึ้นมาสองโปรไฟล์ โปรไฟล์หนึ่งสำหรับกรุ๊ป A และอีกอันสำหรับกรุ๊ป B

เนื่องเขาทำ text mining ดึงข้อมูลจากข้อความของทั้งสองกลุ่มเพื่อดูว่าพวกเธอสนใจอะไร การเรียนการสอนดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่พวกเธอสนใจ เขาจึงใส่ ดร.ทางคณิตศาสตร์ เข้าไปในโปรไฟล์ของเขาใหญ่ๆ จากนั้นอีกส่วนที่สำคัญ คำถาม เขาเลือกคำถามขึ้นมา 500 ข้อที่สองกลุ่มนี้ชอบตอบ ซึ่งเขาเลือกที่จะตอบมันอย่างตรงไปตรงมา ยังไงก็ตามเขาไม่ได้อยากจะได้ความสัมพันธ์ที่มาจากสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเขาจริงๆหรอก แต่เขาให้คอมพิวเตอร์เป็นตัวให้คะแนนความสำคัญของแต่ละคำถาม ด้วยการใช้ machine-learning อัลกอริธึมที่มีชื่อว่า adaptive boosting เพื่อพาเขาไปสู่สปอตไลท์ที่สาวส่วนใหญ่จะเห็น

จากนั้นเขาก็สร้างรูปโปรไฟล์ของเขาขึ้นมา อันหนึ่งเป็นรูปเขากำลังปีนผา ส่วนอีกอันเป็นรูปเขากำลังเกากีตาร์

-ถ้าไม่กังวลถึงแผนในอนาคต ณ ตอนนี้ คุณสนใจอะไรมากกว่ากัน?(คำถามของ OkCupid)

“แน่นอนความรักสิ”

แต่สำหรับกลุ่ม A หญิงสาวที่อ่อนวัยกว่า เขาเลือกที่จะให้ความสำคัญของข้อนี้เป็น “สำคัญมาก” และสำหรับกลุ่ม B เป็น “โคตรสำคัญ” ตามที่คอมพิวเตอร์แนะนำให้เขาทำ

หลังจากคำถามสุดท้ายถูกตอบและให้คะแนนความสำคัญแล้ว เขาก็กดเสิร์ช OkCupid อีกครั้ง โดยกรองหาผู้หญิงใน LA เรียงตามเปอร์เซนต์แมทช์ บนสุดผู้หญิงที่แมทช์กับเขา 99% เขาสโครล์เม้าส์ไปเรื่อยๆ ลงไป.. ลงไป.. ผ่านสาวๆเกือบหมื่นคนไปแล้ว เขายังไม่หลุดจากเปอร์เซนต์ที่ 90 เลยด้วยซ้ำ

เยส!

เขาต้องการก้าวเล็กๆอีกก้าว  สมาชิกของ OkCupid จะถูก notify เมื่อใครก็ตามเปิดมาดูโปรไฟล์ของพวกเขา คริสจึงเขียนโปรแกรมเล็กๆอีกหนึ่งตัวเพื่อให้มันไปเปิดดูสาวที่มีเปอร์เซนต์แมทช์กับเขาสูงที่สุดไล่ตามอายุ วันจันทร์ โปรไฟล์ของเขาจะโผล่เข้าไปดูสาวอายุ 41 หนึ่งพันคน วันอังคารเขาจะโผล่เข้าไปดูสาวอายุ 40 หนึ่งพันคน และกลับมาวนรอบใหม่อีกครั้งเมื่อถึงสาวอายุ 27 ปีในอีกสองอาทิตย์ต่อมา จากนั้นสาวๆก็เริ่มเข้ามาดูโปร์ไฟล์ของคริสกันอย่างทะลักทลาย บางครั้งมากกว่า 400 คนต่อวัน และเมสเสจก็เด้งเข้ามาทั้งวันแทบไม่หยุด

 

“เราไม่เคยเจอใครที่แมทช์กับเรามากเท่านี้มาก่อนเลยอ่ะ แล้วเราก็คิดว่าโปร์ไฟล์เธอดูเข้าท่าเลยนะ หนุ่มเซอๆที่เก่งเรื่องตัวเลข …ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เมสเสจจากสาวคนหนึ่ง

“สวัสดี เราชอบโปรไฟล์เธอ เลยทักมาน่ะ” เมสเสจจากสาวอีกคน

“ชั้นคิดว่าเราสองคนมีอะไรหลายอย่างตรงกันมากเลย อาจจะไม่ใช่เรื่องเลขนะ แต่ก็เรื่องดีๆอีกหลายเรื่องเลย”

“คุณแปลภาษาจีนได้จริงหรอ?” สาวอีกคนถาม “เราเคยเรียนอยู่ช่วงสั้นๆเหมือนกัน แต่ก็ไม่ค่อยเก่งอ่ะ”

สุดท้ายขั้นตอนของคณิตศาสตร์ในการหารักแท้ของเขาก็จบลง เหลือเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาต้องทำ  ออกจากห้องเล็กๆของเขา แล้วก้าวเข้าสู่สนามจริง เขาต้องไปออกเดต

วันที่ 30 มิถุนายน  คริสอาบน้ำแต่งตัวที่ยิมของ UCLA จากนั้นเขาก็ขับรถข้ามเมืองไปหาเดตแรกของเขาที่ได้มาจากการทำ data mining  เชียล่าเป็นเว็บดีไซเนอร์จากกรุ๊ป A กลุ่มสาวติสต์อายุน้อย พวกเขาพบกันที่ร้านกาแฟในแห่งหนึ่ง “มันน่ากลัวนะ ตอนนั้นน่ะ” คริสเล่า “ก่อนหน้านั้นมันเหมือนมีแต่การสอบภาคทฤษฎีเท่านั้น ผมแทบไม่เจอผู้หญิงจริงๆด้วยซ้ำ”

หลังจากเดตกับเชียล่า มันค่อนข้างชัวร์ว่าเขาทั้งสองไม่น่าจะไปด้วยกันได้  คริสจึงต่อด้วยเดตสองในวันถัดไป เธอเป็นบรรณาธิการของบล็อกแห่งหนึ่งจากกรุ๊ป B  เขาวางแผนจะเดินเล่นริมทะเลสาบของสวนสาธารณะแห่งหนึ่งแต่ปรากฏว่ามันกำลังทำการขุดลอกอยู่ ปรากฏว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงแย่ๆของชีวิต “มันไม่ใช่เดตที่ดีเท่าไหร่” เขาบอก

เดตสามนั้นมาจากกรุ๊ป B เขาพบกับอลิสันที่บาร์แห่งหนึ่งในโคเรียทาวน์ เธอกำลังเรียนเขียนบทภาพยนตร์ และมีรอยสักรูป Fibonacci ที่หัวไหล่  คริสดื่มเบียร์เกาหลีสักพักก็วาร์ปไปโผล่ที่ห้องในคณะของเขาของเช้าวันต่อมา พร้อมกับอาการปวดหัวแฮ้งค์อย่างแสนสาหัส เขาส่งเมสเสจไปหาอลิสัน แต่เธอไม่ตอบกลับเขาอีกเลย

การถูกปฏิเสธนั้นอาจจะเจ็บปวด แต่ตอนนี้เขามีเมสเสจเข้ามากว่า 20 เมสเสจต่อวัน การใช้อัลกอริธึมในการสร้างโปร์ไฟล์ขึ้นมานั้นถือเป็น game changer ของเขาเลยทีเดียว เขาหลีกเลี่ยงเมสเสจที่ดูไม่เข้าท่า และตอบเฉพาะกับคนที่ดูจะมีอารมณ์ขันหรือมีโปร์ไฟล์น่าสนใจ  ก่อนหน้านี้ เขาต้องเมสเสจหาสาวถึง 5 คนกว่าจะเดตได้สักเดตหนึ่ง แต่พอถึงตอนนี้ เขาแค่ตอบว่า “เธอดูน่าสนใจนะ อยากมาเจอกันมั้ย?”

เรียบร้อย…โรงเรียนคริส

เมื่อถึงเดตที่ 20 เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงแพทเทิร์นบางอย่างของคู่เดตของเขา ในกรุ๊ปสาวติสต์อายุน้อย พวกเธอมักจะมีรอยสักอย่างน้อยสองที่และอาศัยอยู่แถบตะวันออกของ LA  ในขณะที่อีกกรุ๊ปหนึ่งก็มักจะเลี้ยงหมาขนาดกลางเกือบทุกคนไป

เขามักจะวางแผนอย่างดีในเดตแรกๆ แต่เมื่อเขาเดตไปสักพัก มันก็เริ่มกลายเป็นกิจวัตรธรรมดา จากเดตในสถานที่พิเศษก็กลายเป็นอาหารเที่ยงหรือการนัดพบที่ร้านกาแฟ เขามักจะนัดเดตประมาณสองเดตต่อวัน และมีกฏของการเดตเพิ่มขึ้นมา 1.ไม่มีการดื่มแอลกอฮอล์ 2.ถ้ามันจบ ก็ต้องให้มันจบ อย่ามาพะว้าพะวังหลัง 3.ไม่ไปเดตที่คอนเสิร์ตหรือโรงหนัง

“เวลาที่ความสนใจของคุณไปอยู่ที่อย่างอื่นที่ไม่ใช่คนตรงหน้า มันจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่”

ความรักคือข้อมูล
โค้ดของคริสพบว่ากลุ่มผู้หญิงที่เล่น OkCupid แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 7 กลุ่มด้วยกันจากลักษณะการตอบคำถาม  เขาได้ตั้งชื่อกลุ่มต่างๆไว้ เช่น กลุ่ม Green จะเป็นกลุ่มที่เพิ่งเคยเล่นเว็บไซต์ ส่วนกลุ่ม Samanthas คือกลุ่มที่มีอายุมากขึ้นมาหน่อยและชอบการผจญภัย และนี่คือคำตอบที่แต่ละกลุ่มมักตอบคำถามที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
1.คุณอยากให้ความสัมพันธ์ครั้งต่อไปของคุณยาวนานแค่ไหน
  คืนเดียว  ไม่เกินปี  หลายๆปี  ตลอดชีวิต
2.สมมติว่าคุณเจอคนที่คุณถูกใจมากๆ คุณคิดว่าคุณจะใช้เวลานานแค่ไหนก่อนจะมีเซ็กส์กับเขาครั้งแรก
  1-2 เดต   3-5 เดต  6 หรือมากกว่า เดต  หลังจากแต่งงานเท่านั้น
3.คุณเคยมีเซ็กส์กับคนเพศเดียวกันกับคุณมั้ย?
  เคยและชั้นมีความสุขกับมัน  เคยแต่ชั้นไม่มีความสุขกับมัน  ไม่ และจะไม่ทำด้วย ไม่ แต่ก็อยากลองนะ
4.ศาสนาหรือพระเจ้าสำคัญกับชีวิตคุณแค่ไหน?
  สำคัญมาก   สำคัญ   ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่  ไม่สำคัญเลย

 

 

หลังจากคริสออกเดตไปได้ประมาณหนึ่งเดือนในทั้งกรุ๊ป A และกรุ๊ป B พอๆกัน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าสาวจากกรุ๊ป A ดูจะไม่ตรงสเป็คเท่าไหร่ เขาจึงลบโปร์ไฟล์กรุ๊ป A ของเขาทิ้งไป เขาเริ่มเจอสาวที่ตรงสเป็คมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ก็ยังดูไม่ดีนัก เมื่อเขาเดตไปกว่า 55 ครั้ง มีเพียง 3 คน ที่ไปถึงเดตครั้งที่ 2 และมีเพียงคนเดียวที่ไปถึงเดตครั้งที่ 3

 

สิ่งที่ทำร้ายบรรดานักรักที่ไม่ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือความมั่นใจในตัวเอง โอ้ว ชั้นดีไม่พอหรือเนี่ย ชั้นหน้าแก่เกินไป หรือชั้นพูดมากไป แต่กรณีของคริสมันแย่ยิ่งกว่านั้น เขาสงสัยถึงความสามารถทางคณิตศาสตร์ของตัวเอง

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเมสเสจมาจาก Christine Tien Wang ศิลปินสาวอายุ 28 ปี ศิลปินและแอคทิวิสต์ผู้ต่อต้านโทษจำคุก  คริสโผล่เข้ามาในเสิร์ชของเธอซึ่งกำลังหาชายสูง 6 ฟุต ตาสีฟ้าที่อยู่ใกล้ UCLA ที่ๆเธอเรียนปริญญาโทสาขาศิลปศาสตร์ พวกเขาสองคนมีคะแนนแมทช์ 91%

เขาพบกับเธอที่รูปปั้นในสวนของมหาลัย จากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่ร้านซูชิ เขารู้สึกในทันที พวกเขาคุยกันถึงเรื่องหนังสือ ศิลปะ ดนตรี ซึ่งเธอสารภาพว่าเธอแปลงโปรไฟล์ของเธอนิดหน่อยก่อนที่จะส่งเมสเสจไปหาเขา เขาจึงตอบเธอด้วยการเล่าเรื่องราวการแฮ็ค OkCupid ของเขาทั้งหมดให้เธอฟัง

แม่งโคตรดาร์คเลยค่ะ” เธอบอก “แต่ฉันชอบมันนะ”

และนั่นเป็นเดตที่ 88 ของเขา จากนั้นเดตที่สอง ที่สามก็ตามมา จากนั้นอีกสองสัปดาห์ account ของ OkCupid ของทั้งสองก็เข้าสู่โหมดหยุดพักการใช้งาน

ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำก็เหมือนๆคนอื่นในเว็บไซต์นะ แค่ใช้อัลกอริธึม สเกลใหญ่กว่า แล้วก็มี machine-learning ร่วมด้วยมากกว่าคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง” คริสบอก

ทุกคนต่างก็พยายามสร้างโปร์ไฟล์ของตัวเองให้ดึงดูดคนอื่นๆ เขาเองก็ทำสิ่งเดียวกันเพียงแต่เขาใช้ data ในการสร้างแค่นั้นแหละ

หนึ่งปีจากตอนที่คริสและคริสตีนเจอกันครั้งแรกในซูชิบาร์ ตอนนั้นคริสได้ปริญญาเอกของเขามาครอบครองเรียบร้อยแล้ว และกำลังสอนคณิตศาสตร์ พร้อมกับการเรียนปริญญาอีกหนึ่งใบด้านดนตรี ส่วนคริสตีนก็ตกลงไปเรียนต่อยอดที่กาตาร์อีกหนึ่งปี พวกเขายังคงคอนเน็คกันผ่าน skype และเดินทางกลับมาเจอกันเป็นครั้งคราว

ผมขอร้องให้คริสเอาสมุดจนบันทึกที่แม้แต่คริสตีนก็ไม่เคยเห็นให้ผมดู หน้าต่อหน้าผมเห็นสมการมากมายที่เขียนด้วยลายมือของคริสเอง หน้าท้ายๆเป็นลิสต์ของสาวๆที่เขาไปเดตด้วย พร้อมกับคอมเม้นต์ของคริสเกี่ยวกับแต่ละคน  เมื่อคริสตีนเห็นมันเธอถึงกับระเบิดหัวเราะ วันที่ 24 สิงหาคม เขาพาผู้หญิงสองคนไปเดตที่ชายหาดเดียวกันในวันเดียวกัน

เธอมันนิสัยแย่มาก” เธอบอกคริส

สำหรับคริสตีนแล้ว การแฮ็ค OkCupid ของคริส เป็นเรื่องเล่าที่น่าสนุก แต่จริงๆแล้วคณิตศาสตร์และโค้ดเหล่านั้นแทบไม่ช่วยในการอยู่ด้วยกันของคนทั้งคู่เลย  การแฮ็คที่แท้จริงมันเริ่มต้นหลังจากที่เราเจอกันจริงๆต่างหาก

คนจริงๆซับซ้อนกว่าโปรไฟล์ที่พวกเขาใส่มากค่ะ” คริสตีนบอก

ถึงแม้เส้นทางการเจอกันของเรามันจะดูปลอมหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าความสัมพันธ์ของเรามันจะปลอมไปด้วยนะคะ มันผ่านการทำงานอย่างหนักเลยล่ะกว่าจะถึงจุดนี้”

เห็นด้วยเลย มันไม่ใช่ว่าเราแมทช์ปุ๊ป แล้วเราจะมีความรักที่ดีปั๊ป” คริสบอก

มันเป็นแค่วิธีที่ทำให้เราได้เจอกันเท่านั้น ผมใช้ OkCupid เพื่อจะได้เจอคนรัก”

ไม่ใช่เธอเจอชั้น ชั้นเจอเธอต่างหาก” คริสตีนเถียง คริสหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะยอมรับว่าเธอถูก

 

อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา คริสตีนกลับไปที่กาตาร์ ระหว่างที่พวกเขากำลัง skype กันอยู่ คริสก็ควักเอาแหวนเพชรออกมาให้เธอหน้าเว็บแคม และเธอตอบ “ตกลง”

พวกเขายังไม่แน่ใจว่าจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ มันยังมีงานวิจัยอีกมาที่จะต้องทำเพื่อหาวันแต่งงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคริส แม็คคินเลย์
บทความนี้แปลมาจากลิงค์ด้านล่างนี้ครับ

How a Math Genius Hacked OkCupid to Find True Love

ต่อไปเปิดท้ายขายของนะครับ ใครสนใจหนังสือเล่มใหม่ของผม
เหตุเกิดจากความเหงา Theory of Loneliness 


(ในเล่มมีเรื่องราวของคณิตศาสตร์ในการเอามาใช้เลือกหาเนื้อคู่ของเราด้วยแหละ)
เชิญไปหาซื้อได้ที่งานหนังสือบู้ท X08 นะครับ ผมจะไปแจกลายเซ็นวันเสาร์อาทิตย์ที่ 31 -1 เมย. ช่วง 13.00-14.00 นะครับ

About the Author:

Leave a Reply

*